intrendmall

intrendmall

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

MaxStone สายลั่นชัตเตอร์อัจฉริยะ ของขวัญที่คนเล่นกล้อง ห้ามพลาด!

สวัสดีค่า  เพื่อนๆๆๆ

วันนี้หวานจะมีรีวิว Gadgets ตัวนึงค่ะ ที่แบบมันเฮ้ย โอ้ว ว๊าว วี๊ด ว๊าย มากๆค่ะ 
เหมาะสำหรับคนเล่นกล้องมือสมัครเล่น และมืออาชีพกันเลยทีเดียวค่ะ
 เพราะสรรพคุณของมันนี่เยอะมว๊วกกกก!!


แต่ๆๆ คนไม่เล่นกล้องก็ใช้ได้นะเทออออ 
 เดี๋ยวหวานจะบอกค่ะ ว่าเจ้าสุดยอด Gadgets ของเรานี่ สามารถทำอะไรได้บ้าง

บอกไว้เลยว่าเหมาะที่จะเป็นของขวัญวันเกิดแฟน ของขวัญวันเกิดเพื่อน 
ของขวัญคนพิเศษ ของขวัญในวาระพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วันปีใหม่ วันรับปริญญา .....
หรือจะเป็นของขวัญให้ตัวเองก็ได้ค่ะ

มันมีชื่อว่า “MaxStone สายลั่นชัตเตอร์อัจฉริยะ”  ค่ะ 

MaxStone  คือ อะไร??

มาดูคลิป ของเจ้า MaxStone กันก่อนดีกว่าค่ะ 
MaxStone เป็นอุปกรณ์ลั่นชัตเตอร์กล้อง จากระยะไกลค่ะ
 สามารถใช้ได้กับกล้อง DSLR และ กล้อง Mirrorless 
 โดยอาศัยการสั่งงานผ่าน Smartphone ของเราค่ะ !!!!!!
ในยุคสมัยนี้อุปกรณ์ลั่นชัตเตอร์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายราคาค่ะ 
แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะจำกัดการใช้งานแบรนด์ใดแบรนด์นึงเท่านั้นค่ะ 
เช่น สายลั่นชัตเตอร์ Nikon ก็จะสามารถใช้งานได้กับกล้อง Nikon เท่านั้น
 ไม่สามารถนำมาใช้งานกับกล้องแบรนด์อื่นได้ค่ะ 
แต่เจ้า MaxStone ของเรานั้น สามารถรองรับกล้องได้ถึง 7 แบรนด์กันเลยทีเดียวค่ะ 
ทั้ง Canon, Nikon, Sony, Pentax, Olympus, Minolta, Samsung กันเลยทีเดียวค่ะ เริ่ดสุดดด!!
งั้นเรามาดูหน้าตาของเจ้า MaxStone กันก่อนเลยค่ะ 
กล่องหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ 
กล่องสีขาวมีเขียนว่า “MaxStone By Photographers for Photographers” 
ชัดเจนหน้ากล่องเลยค่ะ 
ด้านหลังกล่องจะมีอธิบายไว้ค่ะ ว่าเจ้า MaxStone ทำงานยังไง 

แล้วเจ้า MaxStone ทำงานยังไงล่ะ?

กลไลการทำงานของเจ้า MaxStone ก็คือ 
ภายในตัวเจ้า MaxStone จะมีวงจรสื่อสารผ่านบลูทูธและอินฟราเรดค่ะ
โดยที่ ตัว MaxStone จะรับคำสั่งจาก Smartphoneของเรา 
ที่ติดตั้งแอพฯ “MaxStone”  ซึ่งพัฒนามาโดยเฉพาะเอาไว้ผ่านทางบลูทูธ 
และสั่งให้กล้องของเราทำงานกดชัตเตอร์ด้วยสัญญาณอินฟราเรดค่ะ  
ตามรูปภาพด้านล่างเลยค่ะ 

Spec ของเจ้า MaxStone คร่าวๆ ดังนี้ค่ะ

** แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่เซลล์แบบเหรียญ Cr2032
**อายุการใช้งาน : มากกว่า 300 วัน ต่อ แบตเตอรี่ 1 ก้อน
**สามารถใช้กับ iphone 6 & 6 Plus / iphone 5S & 5C & 5 / iphone 4S / iPad air / iPad4 / new iPad / iPad mini / iPod touch 5 ค่ะ 
**Android ก็สามารถใช้งานเจ้า MaxStone ได้เช่นกันค่ะ แต่ต้องเป็น Android 4.2 ขึ้นไปค่ะ
ส่วนตัวหวานลองใช้กับ Samsung Note3 ก็ สามารถใช้งานได้ค่ะ 
 แต่อาจจะมีบางฟีเจอร์ที่เหมือนเจอบั๊ก (bug) ค่ะ แต่ไม่ทำให้การใช้งานแปลกไปค่ะ
โอเคค่ะ รู้หลักการทำงานของเจ้า Maxstone กันคร่าวๆแล้ว คงอยากเห็นตัวจริงกันแล้วว ^^
เรามาเปิดกล่องกันเลยดีกว่าค่ะ 
นำเข้ามาจำหน่ายในไทย 4 สี คือ สีแดง, สีน้ำเงิน, สีขาว และ สีดำค่ะ
เมื่อเปิดกล่องมาด้านในเราก็จะเจอเจ้า MaxStone ของเราวางสวยๆ อยู่ด้านขวามือค่ะ 
โดยที่ด้านซ้ายมือ จะมีรุปพร้อมคำอธิบายฟีเจอร์ของเจ้า Maxstone เอาไว้ค่ะ 

งั้นเรามาดูฟีเจอร์หลักๆของเจ้า Maxstone กันเลยดีกว่าค่ะ ^^

1. Remote Camera Shutter 

คือ สามารถใช้ Maxstone เป็นรีโมทชัตเตอร์กล้องของเราได้ค่ะ 
โดยสามารถตั้งเวลาได้ตั้งแต่ 0-10 วินาทีเลยทีเดียวค่ะ

2. Time-lapes photography 

อันนี้แหล่ะค่ะ ที่หวานรู้สึกว่ามันเริ่ดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!  
(อยากใส่ “ กกก” ซักล้านตัวววววว) 
เพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่รู้จักการถ่าย Time-lapse ไม่ต้อง งง ไปค่ะ มาลองดู Clip นี้กันก่อนค่ะ
คลิปนี้เป็นการถ่าย Time-lapse โดยน้องบูม Photographer ค่ะ โดยใช้ MaxStone ช่วยถ่ายค่ะ
สรุปคือ Time-lapse เป็นการถ่ายภาพในช่วงเวลาหนึ่งๆ 
ใช้เทคนิคเหมือนการถ่ายทำภาพยนตร์แบบเร่งความเร็ว
สามารถย่นระยะเวลาจาก ปี เดือน วัน ชั่วโมง มาเหลือเพียงนาที หรือไม่กี่วินาทีเท่านั้น
 (ขอ Copy คำอธิบาย Time-lapse มาจากคุณ GLASS SPIDER ใน Pantip นะคะ ) 
ในโหมด Timelapes เราสามารถเลือกได้ค่ะ ว่าเราจะเปิด หรือจะปิด Exposure ค่า   
ที่เริ่ดมากกว่านั้น คือ เจ้า Maxstone จะคำนวณมาให้เราหมดเลยค่ะ 
ว่าเราจะต้องใช้เวลาในการถ่าย Timelapse ครั้งนี้ กี่นาทีค่ะ  ^^

3. Remote iPhone Shutter 

คล้ายกับข้อแรกค่ะ แต่แตกต่างกันตรงที่ ในข้อ 1 นั้น เรากดที่ Smartphone ของเรา
 เพื่อให้กล้องของเราถ่ายภาพ  
แต่ครั้งนี้ เราจะกดที่ MaxStone เพื่อให้ Smartphone ของเราถ่ายภาพค่ะ
จะช่วยทำให้เราถ่าย Selfie ได้ง่ายมากขึ้นเย๊อออออออ  เลยค่ะ ^^

4. Baometric Sensor 

 อันนี้เป็นเหมือนเครื่องวัดความกดอากาศ, อุณหภูมิ หรือแม้แต่ความสูงจากระดับน้ำทะเลค่ะ !!!
 เหมือนมาเป็น Options เสริมค่ะ
เป็นได้ทั้งกราฟ และตัวเลขค่ะ 

5. Low Power Consumption 

เจ้า MaxStone ของเรานี่กินแบตน้อยมว๊วกเลยค่ะ 
ทางผู้ผลิต เคลมว่า สามารถใช้งานได้มากกว่า 300 วันกันเลยทีเดียวค่ะ

6. Track your Camera 

 อันนี้ก็เป็นอีกฟีเจอร์นึง ที่หวานรู้สึกว่ามันสุดยอดมากกกค่ะ 
เพราะว่า Smartphoneของเรา จะร้องเตือนเราได้ 
เมื่อเราอยู่ห่างจากเจ้า Maxstone เกินไปค่ะ 
สมมติว่ามีใครมาขโมยกล้องเรา เราก็จะรู้ตัวแล้วล่ะค่ะ 
แต่ๆๆๆ  มันไม่ได้ใช้ได้กับกล้องเท่านั้นค่ะ 
หากเพื่อนๆนำเจ้า MaxStone ไปติดไว้กับสิ่งของที่กลัวหาย 
 เช่น กุญแจ, กระเป๋าสตางค์, กระเป๋าถือ, สุนัข, หรือแม้กระทั่งเด็ก 
ก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ ของ MaxStone ได้ทันทีค่ะ ^^
ในทางกลับกัน หากเพื่อนๆลืมว่า เอากล้องวางไว้ตรงไหน 
เพื่อนๆก็สามารถกดตรงนี้ เพื่อให้เจ้า Maxstone ร้องเตือนได้ค่ะ 
(เจ้า MaxStone จะร้องเตือน พร้อมสีไฟสีแดงกระพริบค่ะ)

ในกล่อง MaxStone มีอะไรมาให้บ้าง มาดูกันค่ะ ^^

เมื่อเปิดกล่องมา เราก็จะเจอ อุปกรณ์ตามนี้ค่ะ 
มีเจ้า MaxsTone นอนสวยๆอยู่อย่างนี้  ด้านหลังก็จะมี แม่เหล็กกลมๆเล็กๆ และ 3M มาให้ค่ะ
และก็มี Manual ภาษาอังกฤษ มาให้ค่ะ 
ใน Manual ก็จะบอกหมดเลยค่ะ 
ตั้งแต่ วิธีการเปิดเจ้า MaxStone เลยค่ะ ว่าเปิดใช้งานอย่างไร  บลา บลา บลา ....
โอเคค่ะ สุดท้ายแล้ว หวานคิดว่า เจ้า MaxStone
 เป็น Gadgets ที่เหมาะกับช่างภาพ มือโปร และ เซมิโปร ทุกท่าน ^^
และอย่างหวานเอง ก็อาจจะเอาไว้ถ่าย Selfie ได้ง่ายมากขึ้นค่ะ อิอิ ครั้งหน้าหวานจะมารีวิวอะไร ติดตามกันได้ค่า ^^ ขอบคุณมากค่ะ
*********************************
ไอเดียของขวัญผู้ชาย ของขวัญให้แฟน - intrendgift.blogspot.com
Follow Website :  www.intrendmall.com
Follow Fanpage :  www.facebook.com/intrendstuffl
Follow Twitter :  twitter.com/InTrendMall
Follow Google+ :  google.com/+ClipKumKum555

Follow Instagram :  instagram.com/intrendmall

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปากกา ipad "Cregle INK" ที่เหมาะจะเป็นของขวัญสุดพิเศษให้แก่คนพิเศษของคุณ

สวัสดีค่า  ^^
วันนี้ หวานจะมารีวิวปากกา แท่งนึงค่ะ  
ที่เหมาะสำหรับจะเอาไว้เป็นของขวัญให้ตัวเอง 
ของขวัญให้เพื่อนฝูง หรือของขวัญให้คนพิเศษก็ได้ตามแต่วาระ [อีกแล้ววว...]


เนื่องจากว่า ปากกา แท่งนี้ เป็นปากกาที่เหมาะกับยุคสมัยนี้มากๆ 
และยังตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยค่ะ

งงล่ะสิคะ?? ว่าแล้วมันตอบโจทย์ความต้องการและเหมาะกับสมัยนี้ยังไง??
ต้องบอกก่อนค่ะว่า สมัยนี้ ใครๆก็มี Tablet กันทั้งนั้น เพราะใช้งานได้หลากลาย ใช้ทำงาน ใช้เล่นเกมส์ ใช้ติดต่อสื่อสาร บลา บลา บลา สารพัดประโยชน์ค่ะ



ส่วนตัว หวานก็ใช้ Ipad 4 เหมือนกันค่ะ
ใช้เล่นเกมส์ ใช้Lecture ตอนเรียน ทำให้หวานเจอปัญหาค่ะ
ปัญหาก็คือ เจ้า Ipad ของเราเนี่ย มันไม่มีปากกามาให้ค่ะ
ไม่เหมือนพวก Samsung Note ที่มีปากกามาพร้อมในตัว 


นั่น คือ จุดเริ่มต้นของการตามล่าหา ปากกา Stylus ที่จะเอามาใช้งานกับเจ้า ipad ค่ะ ^^
เจอตั้งแต่รุ่นถูกๆ จนรุ่นแพงๆ แต่ก็ยังไม่เจออันที่ถูกใจ T______T


บางอันดูรีวิวก็เส้นใหญ่ หัวใหญ่ มองยาก เขียนลำบาก เส้นไม่ตรง -*-
ในบางรีวิวบางอันเขียนดี แต่ทำให้หน้าจอ ipad ของเราเป็นรอย T__________T 
เกือบจะถอดใจแล้วแหล่ะค่ะ
และแล้วววววว  โชคชะตาก็เข้าข้าง ฟ้าก็เข้าใจ ประทานปากกา Stylus แท่งที่ถูกใจ หัวเล็ก ไม่ทำให้หน้าจอเป็นรอย ราคาไม่แพงมาก มาให้  กรี๊สสสสสสสสสสส


มันก็คือ ปากกา Stylus ยี่ห้อ Cregle รุ่น INK ค่ะ 
ในรีวิวครั้งนี้ หวานขอเรียกว่า “Cregle INK” นะคะ ^^
มาดูคลิปของเจ้า Cregle INK กันก่อนค่ะ

เป็นไงคะ หลังจากดูรีวิว ^^
งั้นเรามาดูตัวจริงกันเลยค่ะ


เจ้า Cregle INK นี้ ราคา 2000 บาทค่ะ 
มี 2 สีค่ะ คือสี Jet Black และ Snow White 

แต่หวานเอาสี Snow White มาให้เพื่อนๆได้ดูกันค่ะ^^

มาดูหน้าตาของเจ้า Cregle INK กันก่อนค่ะ 


กล่องเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาล ดูธีมรักษ์โลกยังไงไม่รู้แฮะ 


ด้านหน้ากล่อง มีเขียนไว้ชัดเจนค่ะ 
ว่าสามารถใช้งานกับ Ipad 1/2/3/4, Ipad Air, Ipad mini 
และยังสามารถใช้งานกับ Iphone 4/4s ได้อีกด้วยค่ะ


ด้านหลังจะบอกว่าในกล่องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

ตามภาพเลยค่ะ ก็คือ ประกอบด้วย
INK Stylus 1 ด้าม
ถ่าน AAAA  2 ก้อน
และ Replaceable Pen Tip หรือหัวปากกาสำรอง  2 อัน 


ด้านข้างของกล่องก็จะเขียนไว้ค่ะ ว่า Made in Taiwan หรือ ผลิตจากประเทศไต้หวันนั่นเองค่ะ 

โอเคค่ะ หลังจากเราดูหน้าตาภายนอกของเจ้า Cregle INK กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 
เรามาเปิดกล่องกันเลยดีกว่าค่ะ


เมื่อเปิดเข้ามาด้านใน เราก็จะเจอพระเอกของเราค่ะ นอนยาวสวยๆ อยู่ในกล่อง ^^ 
(แอบเอาสี Jet Black มาให้ดูด้วย ^^)


ด้านล่างเปิดออกมาเราก็จะเจอกับถ่าน 2 ก้อน 
และ Replaceable Pen Tip หรือหัวปากกาสำรอง  อีก 2 อัน อยู่ตรงนี้เลยค่ะ


เรามาดูหน้าตาเจ้า Cregle INK ใกล้ๆกันดีกว่าค่ะ 


ด้านนอกดูเป็นพลาสติกเกรดดีค่ะ ไม่น่าจะพังง่าย 
ตรงหัว Stylus เป็นหัวยางเล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2มิลลิเมตรค่ะ!!! 
ใช่แล้วค่ะ เพื่อนๆอ่านไม่ผิดค่ะ

 เส้นผ่านศูนย์กลางเพียงแค่ 2.4 มิลลิเมตรเท่านั้นเองค่ะ!!!!! 

 ด้วยความที่หัวปากกามีขนาดเล็ก ทำให้หวานรู้สึกว่ามันเหมือนปากกาแท่งนึงมากๆเลยค่ะ
 และด้วยความที่เป็นหัวยาง  เลยทำให้ เจ้า Cregle INK เนี่ย ไม่ทำให้หน้าจอของเราเป็นรอยอีกด้วยค่ะ 

วิธีการใช้งานเจ้า Cregle INK

1.ใส่ถ่าน AAAA 1 ก้อนลงไปได้เลยค่ะ โดยเอาขั้วบวกลงด้านล่างค่ะ 
2.หมุนด้ามปากกาเข้าไปให้เรียบร้อย
3.หมุนส่วนบนของปากกาไปด้านขวาให้ไฟสีฟ้าปรากฎขึ้น ก็สามารถใช้งานได้เลยค่ะ

แล้วเจ้า Cregle INK สามารถใช้งาน Tablet แบรนด์อื่นได้ไม๊??

อันนี้หวานก็ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ
 แต่ส่วนตัวเคยลองใช้กับ Samsung Note 3, Samsung S3 และ Toshiba
 ก็สามารถใช้งานได้ปกติค่ะ

Cregle INK สามารถใช้งานกับ Application ไหนได้บ้าง??

ข้อนี้ขอตอบเลออออออ  ว่าสามารถใช้ได้กับทุก Application เลยค่าคู๊ณณณณ  
จะใช้เล่นเกมส์ หรือ lecture ก็แท่งเดียวอยู่เลยค่ะ^^
แต่ๆๆๆ  หากเป็น Application สำหรับ Lecture 
หวานแนะนำเป็น App “Noteshelf” ค่ะ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะเนี่ย-*-)


เนื่องจากเป็น App ที่สามารถวางมือขณะเขียนได้เลย
 ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่ามันเป็นปากกาแท่งนึงจริงๆ 
แต่ต้องบอกก่อนว่า Noteshelf เป็น App เสียเงินนะคะ
5.99 เหรียญ ก็ประมาณ 200 บาทค่ะ บวกลบนิดหน่อย

ถ่านจะหมดเร็วไม๊??

อันนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนค่ะ ^^ 
ทางผู้ผลิตบอกว่า ถ้าเปิดเจ้า Cregle INK ไว้โดยไม่ปิดเลย 
จะสามารถใช้งานได้ประมาณ 11 ชั่วโมงค่ะ 
แต่คงไม่มีใครเขียนๆๆๆๆ  ตลอดเวลา 11 ชั่วโมงหรอกค่ะ ^^  
ถ่านอัลคาไลน์พวกนี้ ปากเปิดเมื่อใช้งาน และปิดเมื่อเลิกใช้งาน
 ก็จะทำให้มีอายุการใช้งาน งานกว่าการเปิดค้างไว้ทีเดียวค่ะ ^^

แล้วถ้าถ่านหมด สามารถหาซื้อได้ที่ไหน??

เพื่อนๆสามารถหาซื้อถ่าน AAAA ได้ตามห้างเลยค่ะ
 หวานเคยไปซื้อที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ก็มีขายค่ะ ^^
วันนี้หวานก็ขอจบการรีวิวปากกาipad "Cregle INK" ไว้เพียงเท่านี้ค่ะ ^^
ครั้งหน้าหวานจะมารีวิวอะไรอีก ติดตามกันได้ค่า
ขอบคุณค่าาาาา 


*********************************
ไอเดียของขวัญผู้ชาย ของขวัญให้แฟน - intrendgift.blogspot.com

Follow Website :  www.intrendmall.com
Follow Fanpage :  www.facebook.com/intrendstuffl
Follow Twitter :  twitter.com/InTrendMall
Follow Google+ :  google.com/+ClipKumKum555

Follow Instagram :  instagram.com/intrendmall